เคยมีคนเคยแนะนำว่า โป๊กเกอร์ จะเป็นเกมที่ดีกว่าที่เป็นอยู่ในขณะนี้ ถ้าเกิดมีการ All in กันขึ้น ก็ให้ Dealer เปิดไพ่ของทั้งสองฝ่าย แล้วแบ่งชิพ กองกลางออกแบ่งตามสัดส่วนของ Equity แทนที่จะเล่นกันจนถึง River แล้วนำชิพทั้งหมดให้กับคนที่ชนะเท่านั้น
 
ยกตัวอย่างเช่น  นาย ก.. ถือ AA  กับ นาย ข.. ถือ KK ซึ่งทั้งคู่ All in  กันที่ Pre-flop ที่ Pot มี ชิพ100  ดังนั้น จากคำกล่าวข้างต้น Dealer ก็จะทำการแบ่งชิพ กองกลาง มอบให้ นาย ก. 82 ชิพ และ นาย ข. 18 ชิพ คุณว่า นี่เป็นการเล่นที่ยุติธรรม และ น่าสนใจไหม  โป๊กเกอร์ ก็จะไม่มีคำว่า “Bad Beat” อีกต่อไป
 
คำถามก็คือ .. ทั้งหมดที่กล่าวมา เป็นแนวคิดที่ดีไหม
A. ใช่ เป็นแนวคิดที่ดี มันสามารถ กำจัดความเสี่ยงและยุติธรรมดีนะ
B. ก็ดีอยู่นะ แต่มันยากที่จะนำไปใช้ในการเล่นจริง
C. ล้อกันเล่นใช่ไหม Bad beat นี่คือของขวัญที่ยิ่งใหญ่สำหรับการเล่นโป๊กเกอร์ เชียวนะ
 
คำตอบที่ได้อาจถูกเฉลย จากหัวข้อของบทความโป๊กเกอร์ นี้แล้ว
 

Bad Beat มันไม่ได้แย่อย่างที่คุณคิดนะ

โดยปกติ อลิส คือผู้เล่นที่ดีที่สุดบนโต๊ะโป๊กเกอร์ที่เธอเล่น
ไม่น่าแปลกใจเลยที่ อลิส จะเป็นผู้เล่นที่เจอกับ Bad beat มากที่สุดบนโต๊ะ เพราะเมื่อใดก็ตามที่เธอเล่นเธอมักจะมีไพ่ที่นำผู้เล่นคนอื่นอยู่เสมอ เธอเสียชิพจากการ All-in เพราะว่าเธอนั้นโชคไม่ดี คู่ต่อสู้ของเธอมักจะได้ไพ่ที่พลิกกลับมาชนะเธอในที่สุดเสมอ นี่แหละที่เราเรียกว่า Bad beat
 
อลิส เป็นคนแรกที่จะกล่าวว่า Bad beat มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อ ระบบทั้งหมดของโป๊กเกอร์ หากไม่มี Bad beat หรือ ดวง มาเกี่ยวข้องแล้ว ผู้เล่นใหม่ ก็มีแนวโน้มที่จะไม่สามารถต่อกรกับผู้เล่น ที่มีประสบการณ์ได้ ในที่สุดก็เลิกเล่น และ ทำให้ผู้เล่นอย่างอลิส ต้องออกจากธุรกิจโป๊กเกอร์นี้ไป โชคจึงเป็นปัจจัย ที่สำคัญ ที่ดึงดูดผู้คนมากมายให้เข้ามาเล่นเกมโป๊กเกอร์ และ เป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้เกมโป๊กเกอร์นี้น่าหลงใหล
 
โป๊กเกอร์เป็นเกมที่ พื้นฐานมักมีโชคเข้ามาเกี่ยวข้องอยู่เสมอ เป็นหนึ่งในไม่กี่เกมที่คุณสามารถเรียนรู้วิธีการเล่นพื้นฐาน แล้วเล่นทันทีคุณก็มีโอกาสที่จะเอาชนะแชมป์โลกได้ด้วยมือแรก แน่นอนว่าการเอาชนะแชมป์โลกคนเดียวกันมากกว่า 10, 100 หรือ 1,000 มือนั้น มีโอกาสเป็นไปได้น้อยลงแบบทวีคูณ จนในที่สุดมันก็กลายเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ในทางปฏิบัติ
ถึงกระนั้นก็ตาม Bad beat นั้นส่งผลต่อผู้เล่นในระยะสั้นเท่านั้น และนี่คือสิ่งที่โดดเด่นแตกต่างจากเกมที่ใช้ทักษะล้วนๆ (เช่น หมากรุก) ซึ่งผู้เล่นที่ดีที่สุดมักจะชนะเสมอ ไม่มีทางที่คุณที่เป็นผู้เล่นใหม่จะสามารถชนะผู้เล่นที่มีความสามารถหรือประสบการณ์สูงกว่าได้เลย

 
ทุกครั้งที่คุณแพ้ เราเรียกว่า “bad” beat

คำว่า “Bad beat” ค่อนข้างที่จะไม่ตรงตามความหมายสักทีเดียว โดยส่วนใหญ่ก่อนที่จะสิ้นสุดการเล่นที่ River ผู้เล่นทุกคนมี Equity (โอกาสที่จะชนะ) ใน pot นั้นๆ ซึ่งในทางเทคนิคแล้ว ความหมายของ คำว่า Bad  หมายถึงเสียทั้งหมดไปแล้ว ทั้งๆที่ยังมีโอกาสชนะอยู่
จากตัวอย่างของภาพด้านบน ผู้เล่นที่ ตำแหน่ง SB มีโอกาสชนะ  93% ผู้เล่นที่ตำแหน่ง BB มีเพียง 7% ซึ่ง ถ้าเรามองตรงจุดนี้ ผู้เล่นที่ ตำแหน่ง BB ก็ยังมีโอกาสชนะ และ นำชิพ กลับไปได้ 7% ของ Pot แต่ความเป็นจริงคือ จะมีคนใดคนหนึ่งไม่ได้อะไรเลย กับอีกคนที่ชนะได้ไปทั้งหมด

เมื่อเราพิจารณาให้ลึกลงไปทางด้านเทคนิคจะพบว่า ผู้เล่นที่ตำแหน่ง SB ก็มีโอกาสได้รับชิพ มากกว่าที่ Equity ของเขาจะมี ถึง 7% นั่นควรจะเรียกว่าโชคดีเพราะเขาได้ชิพมากกว่าที่ควรจะเป็นตาม Equity ในขณะเดียวกัน BB ก็ โชคไม่ดีเช่นกันที่ต้องเสียชิพไปทั้งหมด
เมื่อเรานำปัจจัยทั้งหมดคำนวณ ก็จะพบว่า SB มีโอกาสชนะ 93:7 หรือ13 เท่า หมายความว่า ในทุกๆ 13 ครั้ง BB จะชนะ 1 ครั้ง  แต่เมื่อ BBชนะ จะได้ผลตอบแทนมากถึง 13 เท่าเช่นกัน ดังนั้น เรากล่าวได้ว่าไม่มีอะไรยุติธรรมมากกว่านี้แล้ว
 

กล่าวโดยสรุป

ในทุกๆ ครั้งที่ อลิส ประสบกับ bad  beat เธอได้รับผลตอบแทนที่มากกว่าที่ควรจะได้รับกลับมาทดแทนเสมอ สิ่งนี้ช่วยให้ อลิส มีมุมมองที่เข้าใจว่าเซสชันที่ชนะส่วนใหญ่มักเกี่ยวข้องกับการที่เธอโชคดี (ไม่ใช่โชคร้าย) ด้วยเหตุนี้จึงแสดงให้เห็นถึงความจำเป็นทางคณิตศาสตร์ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ของเซสชันที่แพ้
กล่าวอีกนัยหนึ่ง Bad beatไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งสำหรับเกมโป๊กเกอร์เท่านั้น (และเป็นเหตุผลว่าทำไมผู้เล่นที่เป็น Winning player ยังคงเล่นอยู่) แต่ยังเป็นภาพลวงที่จะสื่อความหมายเชิงลบ ที่จะสร้างความเจ็บปวดให้กับผู้เล่น แต่มันไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับความไม่ยุติธรรมแต่อย่างใด
 
สำหรับคำแนะนำ คือให้คุณลองคิดถึงระยะยาว สิ่งที่คุณควรให้ความสำคัญที่สุกคือ Win-rate และสามารถทำกำไรจากผู้เล่นที่อ่อนกว่าคุณ
เราทุกคนได้รับผลตอบแทนที่ยุติธรรมเสมอบนโต๊ะโป๊กเกอร์