5 ประการที่เข้าใจผิดเกี่ยวกับโป๊กเกอร์

บทความนี้เราจะมานำเสนอความเข้าใจผิด 5 ประการ ที่ผู้เล่นทั่วไป มักเข้าใจผิดเมื่อศึกษาถึงการเล่นโป๊กเกอร์
ความแตกต่างระหว่างผู้เล่นทั่วไป กับ ผู้เล่นที่ดี นั้นก็คือ ผู้เล่นทั่วไปมักจะเกิดความผิดพลาดจากการใช้อารมณ์ในการตัดสินใจ ซึ่งต่างจากผู้เล่นที่ดีเป็นปกติทั่วไป ที่ เกมที่เกี่ยวข้องกับการเงินมักจะทำให้เกิดการใช้อารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้องกับการตัดสินใจตลอดเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โป๊กเกอร์ ที่มีตัวแปรต่างๆ เข้ามาเกี่ยวข้องเป็นจำนวนมาก
แน่นอน ตัวแปร เหล่านั้น นั่นเอง ที่เป็นส่วนหนึ่ง ประกอบกัน ที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิดได้ง่ายขึ้น เช่น ผู้เล่น All in ด้วยไพ่ AK แล้วพบว่าคู่ต่อสู้ Call มาด้วย AA ทำให้ครั้งต่อไป ผู้เล่นคนนั้นก็จะเล่น AK ด้วยความระมัดระวัง หรือ Passive มากขึ้นทำให้ไม่สามารถทำกำไรได้ในระยะยาวได้ จากประสบการณ์ ที่ผิดพลาดเพียงแค่ครั้งเดียวของเขา
ซึ่งเราจะมาเรียนรู้ถึง 5 ความเข้าใจผิดที่เราควรทำความเข้าใจกันในบทความโป๊กเกอร์นี้
#1 เมื่อคุณมี A คุณต้องเล่นแบบ B
คุณคงเคยผ่านประสบการณ์ หรือ เคยได้ยิน ถ้อยคำ หรือ ประโยค ที่กล่าวมานี้ บ้าง ยกตัวอย่างเช่น“ถ้าคุณ Call preflop คุณก็ควร Call flop ด้วย” หรือ “ถ้าคุณสามารถ Call flop ได้คุณ ก็สามารถ Call ที่ Turn ได้ถ้า ที่ Turn blank”
แม้คำแนะนำนี้จะถูกใช้ หรือ พูดมา อย่างยาวนาน แต่มันก็แทบจะไม่ถูกต้องเลย เพราะในแต่ละรอบการเล่น เราต้องพิจารณา ถึงเหตุและผลในแต่ละรอบ แตกต่างกัน อย่างมีหลักการ ไม่ใช่แค่เหตุผลว่า ถ้าไพ่ที่ออกมาไม่เปลี่ยนก็สามารถเล่นไปเหมือนเดิมได้
เรามาลองดูตัวอย่าง เพื่อสนับสนุน ข้อความที่ว่า “ถ้าคุณ Call preflop คุณก็ควร Call flop ด้วย”โดยสมมุติให้คุณเขามาเล่นด้วยไพ่ที่ เป็น Marginal hand และ มีไพ่ Hit ที่ Flop เพื่อสามารถ เล่นต่อที่ Turn หรือ River ได้
100NL Cash Game. $150 Effective Stacks
คุณอยู่ที่ตำแหน่ง Botton ด้วยไพ่ 7♠ 4♠
UTG raises to $2.50,CO calls, คุณ calls. BB calls.
Flop ($10) T♠ 8♠ 3♣
BB checks, UTG bets $7, CO calls, Hero calls ,BB raises to $46 ,UTG calls , CO calls.
เรามาพิจารณากัน
คุณเลือก Call ด้วยไพ่ที่ กว้างมากๆ ที่ตำแหน่ง Botton โดยเล่นแบบ Multiway เข้ามาถึง 4 คน Flop เปิดออกมาค่อนข้างดีสำหรับคุณ แต่เมื่อ UTG c-bet ตามปกติ แล้วถูก BB check/raised โดยมีผู้เล่น อีกสองคน calls ดังนั้นไพ่ที่ draw กลางๆ แถมมีผู้เล่นหลายคน ไพ่อย่างคุณจึงสมควรอย่างยิ่งที่จะหมอบ
นี่คือตัวอย่างที่ชัดเจนว่าคำพูดข้างต้นไม่สามารถนำมาใช้ได้ คุณควรใช้การตัดสินใจในแต่ละสถานการณ์ เป็นเหตุเป็นผลตามแต่สถานการณ์ที่เกิดขึ้นมากกว่าจะจำคำพูดมาตัดสินใจ
#2 มองความปรวนแปรใน เกมโป๊กเกอร์ อย่างไม่มีเหตุผล
อย่างที่ได้เกริ่นไว้ข้างต้นว่า ตัวแปร หรือ ความปรวนแปร เป็นส่วนหนึ่งของโป๊กเกอร์ เราควรจัดการตัวแปรเหล่านี้อย่างถูกต้องและมีเหตุผลแม้แต่ผู้เล่นที่เป็นมืออาชีพ ก็สามารถ แพ้หรือเสียชิพได้ มีความรู้สึกแย่ หรือ เกิดผลกระทบต่อการเล่นของเขาเหล่านั้นได้ แต่นั้นก็เป็นช่วงระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น
โดยเฉพาะ live game ที่มีการเล่นแค่ระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น เมื่อมีผู้เล่นใหม่เข้ามาเล่นที่โต๊ะ เมื่อเขานั่งลงเขาก็เล่นอย่างดุดัน open raise ,check-raise ,3-bet เมื่อเขาลงนั่นแค่ 10 ตา นั่นอาจทำให้คุณมองเขาว่าเป็นผู้เล่นที่ Loose-Aggressive แต่ อาจจะเป็นเพราะว่าไพ่ที่เขาได้นั้นเป็นไพ่ที่ดี ก็ได้ทำให้เกิดการเล่นแบบนั้นขึ้น การตัดสินทีเกิดจากสมมุติฐานที่ไม่แน่นอน (ในที่นี้ก็คือจำนวนแฮนด์ ที่ผู้เล่นใหม่เล่น) นั้นทำให้คุณเสียชิพจำนวนมากได้
#3 หาตัวเลขรายได้ จากการคำนวณ Win-Rates
ความเข้าใจผิด และ บางครั้งก็ทำให้เกิด อันตรายได้ เกี่ยวกับโป๊กเกอร์ ก็คืออัตรา Win-rateมักจะเกิดขึ้นได้บ่อยๆกับผู้เล่น Cash-game เมื่อผู้เล่นเหล่านั้น เข้าใจผิดกับ Win-rateโดยเข้าใจว่าจะสามารถทำกำไรได้เท่านั้น เท่านี้ เมื่อเล่นไปเป็นจำนวนกี่แฮนด์ เนื่องจาก Win-rate ที่เขามีแต่ในความเป็นจริง รายได้สุทธิที่สามารถเป็นได้ นั้นขึ้นอยู่กับการที่คุณสามารถ จดจ่ออยู่กับการ เล่นที่ถูกต้อง ,เวลาที่คุณใช่ในแต่ละวันในการเล่นและศึกษาโป๊กเกอร์ , ช่วงเวลาที่คุณ เกิด Downswing , ช่วงเวลาคุณ เกิด Upswing ฯลฯ หลายๆ ส่วนเหล่านี้มาประกอบกัน ในระยะเวลาที่มากพอสมควร
ต่างจากผู้เล่นในประเภทTournament การคำนวณรายได้นั่นจะยุ่งยากกว่ามากเพราะ มีตัวแปรที่สูงกว่า คุณอาจไม่ชนะเลยสักทัวร์เป็นระยะเวลานานเป็นเดือนๆ หรือ อาจชนะทัวร์รายการใหญ่ๆ ในการสมัครครั้งแรกๆ ทำให้เกิดความผิดพลาดได้ง่ายในการคำนวณผลการเล่น อาจใช้ระยะเวลานานถึง 1000 tournament เพื่อวิเคราะห์ ค่า ROIs ที่ใกล้เคียงกับความจริงที่สุดที่พอจะสามารถนำมาคำนวณรายได้
#4 ทดลองปีนห้องไปเล่นให้ห้องระดับสูงขึ้นสักครั้ง
ความเข้าใจผิด ในเรื่องของการปีนห้อง นี้มักจะเกิดจากการทดสอบความสามารถในการเล่น โป๊กเกอร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โป๊กเกอร์ออนไลน์ เมื่อผู้เล่นมีความมั่นใจว่าสามารถเล่นได้ดีในระดับที่ตัวเองเล่นอยู่ เลยอยากทดลองขึ้นไปเล่นในระดับที่สูงกว่าสักครั้งซึ่งในความเป็นจริง ผู้เล่นนั้นๆ ควรรักษาระดับการเล่น ตามขนาดของ Bankroll เพื่อ ไม่ให้เกิดความแปรปรวน ของการเล่นจากตัวแปรที่จะทำให้เกิดผลกระทบต่อจิตใจในระยะยาว
ดังนั้นการทดสอบขึ้นไปเล่นที่ในห้องที่ใหญ่กว่าขนาด Bankroll จึงไม่ควรกระทำ ยกเว้นแต่ว่าขนาดของ Bankroll ของคุณจะใหญ่จนสามารถขึ้นไปเล่นที่ระดับที่สูงขึ้นได้แล้ว (เรื่องของ Bankroll คุณสามารถศึกษาได้จากบทความ เรื่อง Bankroll)
#5 การนำกลยุทธ์ การเล่น แบบ GTO นั้นทำเงินได้น้อยกว่าแบบอื่น
มีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับ โป๊กเกอร์ ในเรื่อง กลยุทธ์แบบ GTO เกิดขึ้นโดยกล่าวว่า การเล่นแบบ “ทฤษฎีเกมที่เหมาะสมที่สุด” หรือ Game Theory Optimal จะนำไปสู่ความสำเร็จเพียงเล็กน้อย หรือ ทำกำไรได้น้อยกว่า แนวทางการเล่น แบบ หาจุดอ่อนของผู้เล่น หรือ Exploitative ดังนั้นเราจะมาลอง วิเคราะห์ กันว่า ข้อความข้างต้นเป็นจริงหรือไม่- ประโยชน์หลักของการใช้กลยุทธ์ที่มีพื้นฐานทาง GTO ก็คือการตัดสินใจของคุณเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด โดยไม่คำนึงถึงการตัดสินใจของคู่ต่อสู้ของคุณ ดังนั้นหากการตัดสินใจของคุณได้รับการพิจารณาอย่างถี่ถ้วนและมีความสมดุลดีแล้ว ไม่มีอะไรที่คู่ต่อสู้ของคุณสามารถทำได้เพื่อตอบโต้กลยุทธ์ของคุณ
ในทางตรงกันข้าม การเล่นแบบ Exploitative นอกจากจะมองหาจุดอ่อนของคู่ต่อสู้ ของคุณแล้ว ก็ยังเป็นการเผยจุดอ่อน คู่ต่อสู้มองหาทางที่จะโจมตีคุณกลับ - GTO นั้นยังไม่สมบูรณ์
- ดังนั้นเมื่อผู้เล่นเข้าใจในการศึกษา กลยุทธ์ แบบ GTO แล้ว ก็จะสามารถ ทราบถึง การเล่นที่เป็นจุดสมดุล ที่ไม่สามารถ ถูกเอาเปรียบได้ และ สามารถนำข้อมูลนั้นๆ ไปวิเคราะห์ คู่ต่อสู้ว่า คู่ต่อสู้ มีความผิดพลาดหรือเล่นออกจากจุดสมดุลนั้น มากน้อยเพียงใดเพื่อ ที่จะได้โจมตีจุดอ่อนนั้นได้อย่างถูกต้อง
และทั้งหมดนี้คือ 5 ข้อ ที่ผู้เล่นส่วนใหญ่เข้าใจผิดเกี่ยวกับโป๊กเกอร์ ลองทบทวนดูว่ามีข้อใดที่คุณนั้นเข้าใจผิดเกี่ยวกับโป๊กเกอร์ หรือไม่