4 กลยุทธ์ ที่จะช่วยให้คุณทำกำไรที่ตำแหน่ง BLIND

4 กลยุทธ์ ที่จะช่วยให้คุณทำกำไรที่ตำแหน่ง BLIND
กลยุทธ์ หรือ ทักษะการเล่นโป๊กเกอร์ของคุณจากตำแหน่งบลายด์ ส่งผลอย่างมากต่อ WIN RATE ในระยะยาวของคุณเป็นความจริงที่ปฏิเสธได้ยากว่า ในระยะยาว ที่ตำแหน่ง BLIND เป็นตำแหน่งที่จะทำให้คุณเสียชิพไปมากที่สุด เนื่องจาก คุณถูกบังคับให้ลงชิพกองกลางไม่ว่าคุณจะได้รับแจกไพ่อะไรก็ตาม นอกจากนั้น คุณยังเสียเปรียบในเรื่องของตำแหน่งการเล่นในรอบการเล่นต่อๆไปอีกด้วย ไม่น่าแปลกใจเลยที่แม้แต่ผู้เล่นที่แข็งแกร่งที่สุดก็ไม่สามารถทำกำไรจากตำแหน่ง BLINDได้อย่างเพียงพอ
ดังนั้น กลยุทธ์ของคุณจากตำแหน่ง BLINDS อาจจำเป็นต้องเริ่มต้นจากการลดการสูญเสียให้เหลือน้อยที่สุด
หากคุณทำตามคำแนะนำโดยนำกลยุทธ์ 4 ประการต่อไปปรับใช้ จะช่วยปรับปรุงการเล่นโป๊กเกอร์ที่ตำแหน่งนี้ และ เพิ่มอัตรา WIN RATEโดยรวมของคุณ
#1: STEALบ่อยขึ้นที่ตำแหน่ง SMALL BLIND เมื่อเหลือผู้เล่น BIG BLIND
ด้วยคำแนะนำที่ให้คุณ STEAL POTจากตำแหน่งนี้ให้มากขึ้น นั่นทำให้คุณต้องเล่นไพ่ที่กว้างขึ้นตามไปด้วยโดยปริยาย การกดดันคู่ต่อสู้ด้วยการ OPEN-RAISE จะกดดันเขาและทำให้คุณสามารถชนะ กินเงินกองกลางมาได้ง่ายๆ จากการที่ผู้เล่นที่ตำแหน่ง BIG BLIND จะ OVER FOLD (หมอบมากกว่าปกติ)ในรอบ PREFLOP คุณไม่เพียงแค่ขโมย 1BB ของผู้เล่น BIG BLIND เท่านั้น แต่ยังรวมถึง 0.5BB ที่คุณได้วางเดิมพันลงไปด้วยเมื่อพยายาม STEAL จากตำแหน่ง SMALL BLIND คุณควรใช้ขนาด RAISE SIZEที่ใหญ่กว่าปกติ ที่เล่นจากตำแหน่งอื่น มิฉะนั้น คุณจะให้ผุ้เล่นที่ตำแน่ง BIG BLIND คุ้มค่าที่จะ CALL (เนื่องจากลงทุนไปแล้ว 1BB) เมื่อรวม ความเสี่ยงที่คุณนำไพ่ที่กว้างกว่าปกติมาเล่นแล้ว คุณยังจะเสียเปรียบในเรื่องตำแหน่งในการเล่นในรอบต่อๆ ไปอีกด้วย ขนาด BET SIZE ที่แนะนำ คือประมาณ 3BB
อย่าลืมที่จะทำความเข้าใจว่าการเล่นที่ตำแหน่ง SMALL BLIND ด้วยความดุดัน เพื่อกดดัน BIG BLIND นั้นเป็นการเล่น STYLE EXPLOITITIVE ดังนั้นเราควรเล่นด้วยความระมัดระวังและมีความเข้าใจถึงลักษณะของคู่ต่อสู้ รวมถึงพร้อมที่จะปรับกลยุทธ์เพื่อรับมือกับคู่ต่อสู้จุดประสงค์ก็คือทำกำไรให้ได้สูงที่สุดตามสถานการณ์อยู่ตลอดเวลา
#2: DEFEND BIG BLIND ของคุณให้บ่อยขึ้น
ตามที่กล่าวไว้ข้างต้น ผู้เล่นหลายคนหมอบบ่อยเกินไป (OVER FOLD) จาก BIG BLIND อย่าเป็นหนึ่งในผู้เล่นเหล่านั้นด้วยอัตราความคุ้มค่าในการ CALL คุณสามารถนำไพ่เข้าไปเล่นได้กว้างขึ้นมากจากตำแหน่ง BIG BLIND แม้จะเป็น HAND ที่มี EQUITY น้อยกว่าปกติที่เมื่อคุณอยู่ที่ตำแหน่งอื่นมักจะปาทิ้ง อย่างไรก็ตาม คุณต้องเตรียมพร้อมที่จะต่อสู้เพื่อชิงเงินกองกลางในช่วง POST FLOP ซึ่งหากคุณเล่นแบบ PASSIVE มากเกินไป และ/หรือ เล่น POST FLOP ได้ไม่ดี ท้ายที่สุดแล้วคุณจะต้องเสียเงินมากกว่าที่คุณจะ หมอบทิ้งไปตั้งแต่แรก
นี่ไม่ได้หมายความว่าคุณควร CALL เพื่อ DEFEND ไพ่ในตำแหน่งนี้ในทุกๆครั้ง เพื่อชนะทุก POT แต่คุณต้องปรับ การเล่น PRE-FLOP กับการเล่น POST-FLOP ให้เหมาะสม คุณไม่สามารถคาดหวังที่จะชนะเงินมากขึ้นเพียงแค่ DEFENDบ่อยขึ้นจาก BIGBLIND เพียงเท่านั้น
ลองดูตัวอย่างเพื่อทำความเข้าใจว่า RANGE ในการ CALL ของคุณจาก ตำแหน่ง BIG BLIND ว่ากว้างแค่ไหนเมื่อเทียบกับตำแหน่งอื่นๆ สมมติว่าผู้เล่นใน LOJACK OPEN 2.5BB ด้วย RANGE ตามภาพด้านล่างนี้ :

เมื่อพิจารณาจาก RANGE ที่คู่ต่อสู้ที่ตำแหน่ง LJ OPEN-RAISE มา ทุกคนหมอบจนมาถึงคุณที่ตำแหน่ง BOTTON โดยสมมุติว่าผู้เล่นที่ตำแหน่ง BLIND หมอบหมด เราจึงได้ความคุ้มค่าในการ CALL ที่ 2.5/6.5 เราต้องการ EQUITY ที่ประมาณ 38% เมื่อเทียบกับ RANGE ในตัวอย่างนี้

เปรียบเทียบกับ RANGE เมื่อเราอยู่ที่ตำแหน่ง BIG BLIND ที่ต้องการ EQUITY ที่ 28% หรือ POTODD ที่ 1.5/5.5 เท่านั้น นั่นทำให้ RANGE ที่ให้ CALL สามารถปรับขยายออกได้มากขึ้นตาม ภาพที่แสดงอยู่ด้านล่างนี้

จากภาพจะเห็นว่าเราสามารถขยาย RANGE เพิ่มออกมาได้ถึง 11% เทียบกับตำแหน่ง BOTTON แม้แต่ 86 ที่อยู่ล่างสุดของ RANGE ก็ยังมี EQUITY มากกว่า 28% ที่ต้องการ
# 3: หลีกเลี่ยงการ DONK BETINGจากตำแหน่ง BLIND
DONK-BETTING คือการที่คุณ CALL PREFLOP จากการที่มีคน OPEN เมื่อถึงรอบ FLOP คุณกลับ AGGRESSIVE ด้วยการ BET ออกไป เป็นกลยุทธ์ที่ผู้เล่นทั่วๆไป หลายคนใช้เมื่อไพ่ของพวกเขา CONNECT กับ BOARD ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง โดย BET เพื่อหวังจะได้ VALUE หรือ PROTECT ไพ่ของเขามีปัญหาใหญ่อยู่สองประการที่คุณไม่ควรกระทำ
ปัญหาที่ 1 PREFLOP CALLER (ผู้ที่ เพียง CALL เข้ามาเล่น ในรอบ PREFLOP ) มี ความเสียเปรียบในเรื่อง RANGE ADVANTAGE ดังนั้นการ DONK BETทำให้มันแย่ลงไปอีก
คุณที่ CALL เข้าไปเล่นเฉยๆ จะไม่มีไพ่ที่แข็งแกร่ง เช่น AA, KK, QQ, AK, ฯลฯ ซึ่งคุณคง 3-BET PRE-FLOP กลับไปแล้ว ดังนั้นคุณมีโอกาสที่จะมีไพ่เหล่านี้อยู่น้อย แต่ RANGE ของไพ่เหล่านี้ สามารถมีอยู่ในคู่ต่อสู้ทั้งหมด
หรือ กล่าวอีกนัยนึงก็คือ ผู้เล่นที่ DONK BET มักจะ BET ด้วยไพ่ที่มีความแข็งแกร่งปานกลางใน POT ที่คู่ต่อสู้มีไพ่ที่มีความแข็งแกร่งมากกว่า ซึ่งนั่นเป็นความคิดที่ไม่ดีนัก
อย่างไรก็ตาม ในบาง BOARD ก็อาจเข้าทาง PRE-FLOP CALLER ได้เช่นเดียวกัน ดังตัวอย่างนี้เป็นต้น
10NL 6-MAX CASH GAME. 100BB EFFECTIVE STACKS.
คุณที่ตำแหน่ง BIG BLIND , คู่ต่อสู้ที่ตำแหน่ง LO JACK RAISE 2.5BB ทุกคนหมอบหมด คุณ CALL
FLOP (5.5BB) T♠ 8♦ 6♣
เมื่อพิจารณาถึง RANGE ที่ได้นำมาอธิบายในหัวข้อที่ผ่านมา ที่ FLOP T-8-6 คุณมีไพ่ที่สามารถประกอบเป็นไพ่ที่ดีที่สุดได้มากกว่าคู่ต่อสู้ที่อยู่ที่ตำแหน่ง LJ เมื่อลองพิจารณาในรายละเอียดแล้ว คุณมีโอกาสติด NUT STRAIGHT ได้ 4 COMBOS ด้วยไพ่ 97S รวมถึงสามารถมี 2 คู่ ได้ด้วยไพ่ T8S และ 86S แม้ว่า LJ จะสามารถ มี TOP SET ด้วยไพ่ คู่สิบ แต่ก็สามารถกล่าวได้ว่า คุณมี NUT ADVANTAGE ในบอร์ดนี้
เนื่องจากคอมโบที่มี NUT ADVANTAGE เหล่านี้ประกอบขึ้นเป็นเศษเสี้ยวเล็กๆ ของ RANGE ทั้งหมดของคุณที่ตำแหน่ง BB แต่คุณไม่ได้รวมถึง RANGE ADVENTAGE เข้าไปด้วยดังนั้น แม้ว่าในตอนแรกอาจดูเหมือนการ DONK BET บนบอร์ดนี้เป็นที่ยอมรับได้เนื่องจากจำนวน HANDS ที่สามารถ ประกอบเป็น NUT ได้จะอยู่ใน RANGE ของคุณมากกว่า แต่ท้ายที่สุดแล้ว มันไม่สมเหตุสมผลเลยที่คุณจะ DONK ออกไปเมื่อเทียบ EQUITY ของทั้งสอง RANGE
ปัญหาที่ 2 : การ DONK BET ทำให้การ BALANCE การเล่นของเราไม่มีประสิทธิภาพ
ผลที่ตามมาจากการ DONK BET จะทำให้ สมดุลการเล่น หรือ BALANCE RANGE ของคุณอ่อนแอลง ทำให้คู่ต่อสู้ของคุณสามารถโจมตีจุดอ่อนคุณได้ง่าย การที่คุณเลือก CHECK ไพ่ที่ดีของคุณบ้างทำให้เขาคาดเดาได้ยากมากขึ้น
อีกเหตุผลหนึ่งในการ CHECK แทนที่จะ DONK ออกไปคือ การให้ข้อมูลกับคู่ต่อสู้ของคุณน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ เมื่อคุณไม่อยู่ในตำแหน่ง ทำให้คุณเสียเปรียบด้านข้อมูล เมื่อคุณ CHECK คุณไม่ได้เปิดเผยข้อมูลใด ๆ เกี่ยวกับความแข็งแกร่งของRANGE หรือ ไพ่ในมือของคุณนั่นเอง
#4: CHECK-RAISE อย่างดุดันในโอกาสที่เหมาะสม
โครงสร้าง RANGE ของการ CHECK-RAISE ที่ดีจะช่วยให้คุณสามารถ AGGRESSIVE ได้มากขึ้น ในรอบการเล่นที่ POST-FLOP มากกว่าจะเล่นแบบ PASSIVE จากการ CHECK-CALL ทำให้คุณสามารถทำกำไรได้มากขึ้นตามไปด้วยการ CHECK-RAISE มีข้อที่โดดเด่นกว่าการ CHECK-CALL ดังต่อไปนี้:
CHECK-RAISE ทำให้คู่ต่อสู้ที่เข้ามาเล่นด้วย HANDS ที่เป็น BLUFF หรือ MARGINAL HANDS เล่นต่อได้ยากและต้องถูกกดดันให้หมอบ และ รวมถึง คู่ต่อสู้ของคุณ ที่มักจะ C-BET ด้วย RANGE ที่กว้างเกินไปอีกด้วย
CHECK-RAISE บังคับ หรือ กดดัน ให้ RANGE ที่เป็น VALUE ของคู่ต่อสู้ ต้องเปลี่ยนไปเล่น เป็นตัว BLUFF-CATCHER แทน
สิ่งที่สำคัญที่สุดที่ควรทราบเกี่ยวกับการ CHECK-RAISE ก็คือควรทำบน BOARD ที่คุณสามารถมีไพ่ที่ เป็น VALUE-HANDS ได้มากพอ ที่จะสามารถรวมการบลัฟเข้าไปด้วยเพื่อสร้างสมดุล หรือ BALANCEการเล่นของคุณ และสามารถใช้ CHECK-RAISE ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โดยเฉพาะ เมื่อคุณ CHECK-RAISE BLUFF แล้วมาติดไพ่อะไรเพิ่มเติมที่ TURN ที่สามารถ ทำให้คุณชนะในมือนั้นๆ ได้จะทำให้การ CHECK-RAISE ของคุณสามารถทำกำไรให้คุณได้อย่างมาก
สรุป เนื้อหาในบทความโป๊กเกอร์นี้
เราได้กล่าวถึงหลายสิ่งหลายอย่างถึงวิธีการทำกำไรโดยใช้ 4 กลยุทธ์ ที่แนะนำเมื่อคุณอยู่ที่ตำแหน่ง BLIND ดังนั้นเรามาสรุปดังนี้
1.STEAL POT เมื่อคุณอยู่ตำแหน่งSB ให้บ่อยขึ้น จากผู้เล่นที่ตำแหน่ง BB
2.DEFENCE BB ของคุณให้บ่อยขึ้น เนื่องจากคุณได้รับ POT-ODD ที่คุ้มค่าพอ
3.หลีกเลี่ยงการ DONK-BET จากตำแหน่งบลายด์
4.CHECK-RAISE อย่างดุดัน บนบอร์ดที่เหมาะกับ RANGE ของคุณ
นี่คือคำแนะนำทั้งหมดสำหรับบทความโป๊กเกอร์นี้